tag:blogger.com,1999:blog-45872752886384118852024-03-13T12:18:40.166-07:00การวิจารณ์Blisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-4587275288638411885.post-90798846393289684482006-12-07T22:25:00.000-08:002006-12-13T19:59:25.909-08:00การวิจารณ์ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "หมากเตะ รีเทิร์นสภาพยนตร์นี้มีชื่อเรื่องว่า “หมากเตะ รีเทิร์นส” ผู้กำกับคือ นาย ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ผู้กำกับภาพเรื่อง “แฟนฉัน” ตัวละครที่สำคัญคือ “แสงเหล็ก ดวงมะนี” (เดี่ยว เสกสรร), พงศ์นรินทร์ อุลิศ (เอ็กซ์ จักรกฤษณ์), ตุ๊กตา (แนน แพรว) และ เจ๊มิ่ง (น้อย โพธิ์งาม) เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่ทีมชาติไทยจะเดินทางไปแข่งบอลโลก เรื่องย่อมีอยู่ว่า นักฟุตบอลทีมชาติไทยอยากไปเตะฟุตบอลโลกแต่ไม่มีงบประมาณ เจ๊มิ่งซึ่งมีหลานชายเป็นนักฟุตบอลทีมชาติถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล 192ล้านบาทหวังจะส่งทีมชาติไทยไปบอลโลกแต่สมาพันธ์กลับนำเงินไปจ้างผู้ฝึกสอนชาวต่างชาติแทน เจ๊มิ่งจึงเดินทางไปประเทศอาวีเพื่อจะประกาศว่า ปีนี้ทีมชาติไทยจะไปบอลโลก<br /><br /> จุดประสงค์ของการสร้างภาพยนตร์ตัวอย่างเรื่องนี้คือ อยากให้ทุกคนอยากดูหนังเรื่องนี้เพื่อความบันเทิง<br /><br /> ลำดับความคิดของภาพยนตร์ตัวอย่างเรื่องนี้ค่อนข้างสับสนเพราะการที่หนังตัดไปตัดมาทำให้สับสน แต่ข้อความที่ปรากฏขึ้นมาในแต่ละช่วงนั้นมีใจความต่อกัน<br /><br /> การใช้ภาษาในในเรื่องมีภาษาที่ไม่สุภาพมากมายเช่น “กู” ควรเปลี่ยนเป็น “ผม, เรา ฯลฯ” “มึง” ควรเปลี่ยนเป็น “ท่าน, คุณ” มีคำภาษาอังกฤษบางคำเช่น “แบน” ควรเปลี่ยนเป็น “ระงับ” "ฮา" ควรเปลี่ยนเป็น "ตลก"<br /><br /> ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำข้อคิดจากตัวอย่างภาพยนตร์ที่บอกว่า “เราควรมีความพยายามที่จะทำให้ฝันของเราเป็นจริง” ว่าควรนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะถ้าเราไม่มีความพยายามเราก็จะไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ<br /><br />http://www.maktae.com/download/trailer.htmlBlisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4587275288638411885.post-2018894891091993792006-11-23T23:15:00.000-08:002006-11-23T23:16:04.269-08:00บทความเรื่อง มหัศจรรย์ชาเขียว?บางทีไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายุคนี้สมัยนี้ ฮิต "ชาเขียว" กันจัง เอะอะอะไร ก็ชาเขียว พอเวลาเครียดปวดหัว เพื่อนก็แนะนำให้ดื่มชาเขียว พอเวลาอยากหน้าใสไร้สิว ก็ให้ใช้ครีมล้างหน้าผสมชาเขียว หรือถ้าอยากผอมก็ต้องทานชาเขียวสกัด อะไรกันนักกันหนา...สังคมเราติดเชื้อชาเขียวฟีเวอร์แล้วหรือเนี่ยะ<br />ไม่ต้องอะไรหรอกครับ แค่ได้ไปเดินเบียดแถวย่านตลาดนัดจตุจักรในช่วงสุดสัปดาห์ ก็เห็นแต่ขวดชา ขายอยู่กันเกลื่อน ชนิดว่ากระหายเมื่อไหร่ ยื่นเงินมา ได้ชื่นใจเป็นแน่นอน จนบางทีแอบมีความรู้สึกว่า "ถูกบังคับ" ให้ดื่ม เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ตามก็ต้องมีให้เห็น เป็นแน่นอน ส่วนคนที่ไม่เคยลองก็ต้องลอง เพราะร้อนขนาดนี้ อยู่ตรงหน้าแล้ว เอาซะหน่อยจะเป็นไรไป<br />ความจริงแล้ว ประโยชน์ของชาเขียวนั้นมีมากมายก่ายกอง อย่างการมี "อนุมูลอิสระ" ที่สามารถต่อต้าน และป้องกันโรคมะเร็ง หรือช่วยในการลดคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเหมาะกับคนสมัยใหม่ ที่เริ่มให้ความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพมากขึ้นจนบางทีทำให้นึกว่าเป็น "ยาวิเศษ" ของยุคนี้ไปซะแล้ว<br />แต่ปัญหาคือ ถ้าถามว่าทำไม ถึงชอบชาเขียว ส่วนใหญ่มักจะให้คำตอบว่า "อร่อยดี...ชื่นใจ" แต่ไม่รู้หรอกว่ามันมีสรรพคุณอะไรบ้าง แค่ตามเทรนด์เอา บางคนพอรู้บ้างว่าดื่มชาเขียวแล้วทำให้ผอมได้จริง ก็เล่นดื่มแทนน้ำกันซะเลย เอ...ถ้าหวังผอม ทำไมไม่ลองดื่มน้ำดอกคำฝอยกันบ้างล่ะครับ ประสิทธิภาพดีกว่าเยอะ หรือว่าไม่ใช่ของพี่ยุ่นปี่..ญี่ปุ่น เลยไม่น่าทาน ทั้งที่สมุนไพรไทย อย่างน้ำตะไคร้ น้ำมะตูม น้ำใบบัวบก และอื่นๆ ก็มีสรรพคุณเหลือหลาย แต่กลับไม่เป็นที่นิยม<br />ลองคิดดูเล่นๆ ซิครับ ถ้าพี่ยุ่นแกมาตีกอล์ฟในเมืองไทย แล้วเกิดกระหายน้ำขึ้นมาและติดอกติดใจน้ำตะไคร้ของไทยเราเอง จนนำไปขายที่ประเทศของเขาบ้าง อย่างนี้เราจะฮิตตามเขามั้ยน๊า..<br />นอกเหนือจากคุณค่าของชาเขียวที่กำลังฮิตในบ้านเรา สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เข้ามาอยู่ในใจของนักดื่ม คือการโปรโมต โฆษณา ชวนเชื่อทำให้เกิดอาการอยากลิ้มลอง แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การนำ "วัฒนธรรมญี่ปุ่น" มาขาย!<br />สังเกตได้เลยว่า เดี๋ยวนี้ภัตตาคารญี่ปุ่นเกิดขึ้นราวกับดอกเห็ดในหน้าฝน ส่วนการตกแต่งบ้านก็ต้องออกสไตล์โมเดิร์นเซน ที่ยึดถือความเรียบง่าย ตามแบบฉบับของพี่ยุ่น หรือแม้กระทั่งแฟชั่นสไตล์คาวาอิ น่ารัก คิกคุ ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในหมู่วัยรุ่น<br />เชื่อมั้ยครับบางคนต้องเดินถือขวดชาเขียว เพราะบ่งบอกถึงความมีรสนิยมที่ดี บางทีแอบเห็นคนทานข้าวราดแกงจานละ 20 บาท ก็ยังต้องสั่งชาเขียวมาล้างคอแก้เผ็ดเลยครับ<br />เราตอบได้ตรงๆ เลยว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นกำลังฮิตมาก พีกสุดๆ ในบ้านเรา จนบางทีผมกับลุงชาร์ลี (ผู้ไม่ถนอมวัย) เกิดคิดสนุกๆ ขึ้นมาว่าขนาดตัวอักษรบนฉลากสินค้า ยังต้องมีการดีไซน์ให้ออกมาในแนวญี่ปุ่นเลย เอ...ถ้าผมลองใช้อักษรไทยโบราณสไตล์พ่อขุนรามคำแหง มาเขียนบนฉลากของขวดชาเขียว...รับรองเลยครับ ว่าขายไม่ได้หรอก! เพราะไม่มีตัวอักษรคันจิ...เอากะเขาซิครับ ขนาดตัวอักษรยังต้องออกในแนวชาวอาทิตย์อุทัยเลยครับ จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว!<br />เท่าที่ผมยังจำความได้ตอนสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม อาจารย์เขาเคยสอนว่า ใบชาเมื่อได้บริโภคแล้ว แน่นอนว่าติด ต้องดื่มอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับกาแฟ เพราะมีสารกาเฟอีนอยู่ ขนาดโคคาโคล่าก็ยังมีสารตัวนี้อยู่เลย ซึ่งทำให้คนทั่วโลกติดกันงอมแงม เพราะถ้าไม่ดื่ม ไม่สดชื่น<br />แล้วอย่างนี้การดื่มชาเขียวบ่อยๆ จะทำให้เราติดมั้ย แบบนี้ คนขายก็รวย ส่วนคนดื่มก็ติดกันโดยไม่รู้ตัว เป็นไปได้หรือเปล่าที่ชาเขียวจะมีโอกาสแย่งชิงบัลลังก์เครื่องดื่มจากโคคาโคล่า กับเขาบ้าง?<br />แต่ถ้าพูดถึงชาเขียว และวัฒนธรรมของชาวอาทิตย์อุทัยโดยทั่วไปแล้ว ผมว่าเสน่ห์ของชาเขียวคือ ประเพณีการชงชาที่ละเอียดอ่อน ละมุนละไม เพราะกว่าจะชงได้สักแก้วนั้น คนชงต้องกลั่นกรองความรู้สึก ความเอาใจใส่ ความรัก และที่สำคัญคือศักดิ์ศรีของศิลปะการชงชา แบบว่า โรแมนติก สวีท กว่าวันวาเลนไทน์เป็นไหนๆ แต่เดี๋ยวนี้ซิครับ "บรรจุแล้วแข่งขันขาย" อย่างนี้จบข่าวครับ เสียหมด<br />ผมว่าสังคมยุคใหม่ กำลัง "เลี่ยน" กับชาเขียวแล้วครับ เพราะผลิตภัณฑ์ชาเขียวมีเยอะจนเกินไป ขนาดซาลาเปาไส้หมู ยังดันใส่ชาเขียวในตัวแป้ง (บางทีแค่แอบใส่สี) หมดอารมณ์จริงๆ จนทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของชาตัวนี้เสื่อมลง แล้วในที่สุดก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่า มันดีจริงหรือ? ถ้าโฆษณาชวนเชื่อ และการทำการตลาดชั้นยอด ยังคงบุกกระหน่ำผู้บริโภคให้หลงเชื่ออยู่อย่างนี้ แบบนี้จะเหลือเหรอครับ ถ้าคิดไม่ทัน<br />วันนี้ คุณดื่ม (ทาน) ชาเขียวแล้วหรือยังครับ?<br />เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล Akalak_yimwilai@yahoo.co.ukBlisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4587275288638411885.post-83481278427866333312006-11-23T22:38:00.000-08:002006-11-30T22:42:38.206-08:00มหัศจรรย์ชาเขียวบทความเรื่อง “มหัศจรรย์ชาเขียว” เขียนโดยเอกลักษณ์ ยิ้มวิไล เป็นเรื่องของประโยชน์เกี่ยวกับชาเขียวและคุณค่าของชาเขียว<br />บทความนี้แต่งขึ้นเพื่อสอนให้รู้คุณค่าและประโยชน์ของชาเขียวเช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระและสอนให้เรารู้ว่าควรจะดื่มหรือรับประทานชาเขียวหรือไม่<br />ลำดับความคิดของบทความ ค่อนข้างไม่ดีเช่น กำลังพูดถึง “ประโยชน์ของชาเขียว” อยู่ก็ข้ามไปเขียนเรื่องอื่นและวกกลับมาเรื่อง “ประโยชน์ของชาเขียว” อีก<br />การใช้ภาษาเป็นภาษาที่ใช้กับวัยรุ่นหรือเด็กเช่น “ยุ่นปี่-ญี่ปุ่น” คำว่า “แก” ซึ่งเป็นคำหยาบควรเปลี่ยนเป็นคำว่า “คุณ” แทน นอกจากนี้ยังพบภาษาพูดมากมาย ควรแก้ไขให้เป็นภาษาเขียน<br />ข้อคิดที่ได้จากบทความนี้คือ การดื่มหรือรับประทานชาเขียวอาจจะให้ประโยชน์ แต่ชาเขียวก็มีโทษเหมื่อนกันเช่น สารกาเฟอีนซึ่งเป็นสารเสพติดมีผลทำให้นอนไม่หลับ, เห็นภาพหลอน ฯลฯ<br />ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า การนำบทความนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน นั้นมีประโยชน์เพราะสอนให้เรารู้ว่าชาเขียวไม่ได้เป็นสมุนไพรเพียงชนิดเดียวที่มีประโยชน์ แต่ยังมีสมุนไพรดีๆ ของไทยที่มีประโยชน์เช่นเดียวกันBlisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-4587275288638411885.post-67884868169984590492006-11-14T21:03:00.000-08:002006-11-23T22:53:12.755-08:00วิจารณ์เพลง"ระวังหมดอายุ"เพลง"ระวังหมดอายุ" ร้องโดย ป๊อด โมเดิร์นด็อก เป็นเพลงป็อป มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความพยายามและอิสระของเรา<br /><br />เพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อสอนเกี่ยวกับ ความพยายามและอิสระของเรา เช่นเมื่อเราเจออุปสรรคเราก็ไม่กล้าที่จะผ่านมัน, ถ้าเรามัวแต่รอโอกาสของเราเราก็จะไม่ได้อะไร, เราอยากทำสิ่งต่างๆแต่เมื่อเจอปัญหาเราก็เลิกล้ม<br /><br />เนื้อเรื่องของเพลงไม่มีลำดับความคิดตายตัว แต่เน้นที่การสอนให้เรารู้จักพยายามแทน<br /><br />การใช้ภาษาในเพลงเป็นภาษาที่ใช้พูดคุยกับเพื่อนไม่ค่อยชัดเจนมาก มีภาษาพูดบางคำเช่น "ป๊อด" ควรแก้ไขเป็น"ไม่กล้า" "ฮิต"ควรแก้ไขเป็น"ทันสมัย" "สิวๆและชิวๆ"ควรแก้เป็น"ง่ายๆ" "สบายๆ"แทน<br /><br />ข้อคิดที่ได้จากเพลงคือ เราควรมีความตั้งใจและพยายามในการทำสิ่งต่างๆ และเรามีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ<br /><br />ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า การนำเพลง “ระวังหมดอายุ”ไปใช้ในชีวิตประจำวันนั้นเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เรารู้จักแก้ปัญหา เจอปัญหาแล้วแก้ไขได้ และสอนให้เรามีอิสระที่จะทำสิ่งต่างๆBlisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.com5tag:blogger.com,1999:blog-4587275288638411885.post-85596751822653611162006-11-14T20:56:00.000-08:002006-11-14T21:10:05.204-08:00ยินดีต้อนรับสวัสดีครับ ข้าพเจ้าชื่อ พิสิฐ เวชยันต์วิวัฒน์ เรียนอยู่ชั้น ประถมศึกษาปีที่๖ <span style="font-size:130%;">บล็อก นี้เป็นบล็อกที่ผมสร้างขึ้นมาจากการเรียนวิชา ภาษาไทย จากโรงเรียน ถ้ามีข้อผิดพลาดใดๆ โปรดวิจารณ์ด้วย</span>Blisshttp://www.blogger.com/profile/16468598834487355397noreply@blogger.com0